เป็น อยู่ คือ...วิถีชาวเวียดนาม
เป็น อยู่ คือ วิถีชาวเวียดนาม ผู้คนบนแผ่นดินเวียดนาม ประเทศเวียดนามประกอบด้วยชนหลายเชื้อชาติรวม 54 กลุ่ม มีวิวัฒนาการมาจากการผสมผสานของเผ่าพันธุ์ต่างๆ จากการรุกรานของจีน จึงทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นของชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆจากเหนือลงสู่ใต้ ซึ่งในบรรดาชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ แต่ละชนเผ่าต่างก็มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง
คลอดแล้วทิ้งต่างจากทำแท้งไหม
คำถาม : อยากทราบว่าแม่ที่คลอดลูกมาแล้วไม่ได้เลี้ยงดู เช่นเอาไปทิ้งตามตามถังขยะ กรรมจะหนักเท่าทำแท้งไหมคะ แล้วจะได้รับผลกรรมเช่นไรคะ
เปรต ๑๒ ตระกูล (๔)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเห็นคนบางคนในโลกนี้ ถูกสักการะครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เมื่อตายไปเพราะกายแตกทำลาย ต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อนึ่ง เราเห็นคนบางคนในโลกนี้อันความเสื่อมสักการะครอบงำย่ำยีจิต เมื่อตายไปเพราะกายแตกทำลายต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ตื่นขึ้นมาในเส้นทางธรรม ด้วย DMC
ภรรยาของผมกลับไปเยี่ยมบ้านที่เวียดนาม ทิ้งให้ผมหงอยเหงา เฝ้าบ้านอยู่คนเดียว มี TV เป็นเพื่อน เพราะที่บ้านติดดาวเทียมซึ่งดูได้ถึง 800 ช่อง ผมก็กดจูนหาคลื่นแก้เหงาไปเรื่อยๆ คิดประชดตัวเองแบบขำๆว่า ตราบใดที่ยังไม่เจอกับความสุขที่แท้จริงของชีวิตก็ต้องจูนหากันต่อไป
กรรมใดทำให้น้องชายเมื่อเกิดมาแล้วต้องตายไป ๓ วัน และด้วยบุญอะไรจึงทำให้ฟื้นคืนมาอีก
น้องชายคนที่ ๙ พอคลอดออกมาแล้ว ไม่มีลมหายใจ ทุกคนรออยู่นานจนกระทั่งแน่ใจว่าทารกเสียชีวิตแล้ว จึงคิดจะเอาไปฝัง แต่คุณแม่ไม่ยอม ขอร้องว่า อย่าเพิ่งเอาไปฝังเลยคุณแม่ร้องไห้กอดลูกชายไว้แนบอกตลอดเวลาทุกคนจึงยอมตามใจ
เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี (๗)
พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ เป็นสมบัติอันลํ้าค่ากว่ารัตนะใดๆ ในโลก เพราะเป็นที่พึ่งทั้งใน
ทำอย่างไรจึงจะมีผิวพรรณที่สวยงาม น่าดู น่าชม ?
ดูก่อนมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้
ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?
ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปสู่อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ปุคคลสูตร ว่า...
ที่สุดของความสุข คือ การได้บวชสองชั้น
การบวช สามารถปิดประตูอบายเปิดประตูสวรรค์ให้กับตนเองและพ่อแม่ ที่สุดของชีวิต คือ ชีวิตสมณะ ที่สุดของความสุข คือ การได้บวชสองชั้น
ทำไมตายแล้วไปเป็นเปรต
เปตติวิสยภูมินั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเปรียบเทียบไว้ว่า เหมือนกับต้นไม้ในพื้นที่อันไม่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่ โปร่งเบา มีร่มเงาอันโปร่ง เป็นสถานที่ที่ไม่น่ารื่นรมย์ เพราะแห้งแล้งเต็มไปด้วยความทรมาน เมื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งประพฤติอกุศลกรรมนำชีวิตของตนไปในทางอกุศลกรรม ผู้นั้นชื่อว่านำตนไปสู่ปฏิปทาทางไปสู่ต้นไม้อันหาความสุขสบายมิได้ คือ เปตติวิสยภูมินั้นอย่างแน่นอน