อานิสงส์บูชาพระเจดีย์ทุกวัน
การบูชามี ๒ อย่าง ได้แก่ อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา อามิสบูชา คือ การบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ มีดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องหอมอาหารหวานคาว และน้ำ เป็นต้น
อานิสงส์สร้างที่ปฏิบัติธรรม
การสร้างที่พักอาศัยถวายแด่ภิกษุสงฆ์เพื่อใช้เป็นสถานที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ได้ชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ ให้อายุ วรรณะ สุข พละ เรื่อยไปจนถึงการบรรลุมรรค ผล นิพพาน
อานิสงส์การเป็นภรรยาที่ดี
บุญนั้นแล ย่อมเป็นของเขา เขาพาบุญนั้นไป และบุญนั้น ย่อมติดตามเขาไปเหมือนเงาตามตัว
ทำอย่างไรให้ได้บุญมากที่สุด
ถ้าเรานั่งสมาธิทำใจหยุดนิ่งสนิท จนเกิดแสงสว่างขึ้นแวบหนึ่ง ซึ่งเป็นความสว่างภายในเมื่อใจพ้นจากนิวรณ์บุญที่เกิดขึ้นจากความสว่างเพียงแค่แวบเดียวนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำท่านกล่าวไว้ว่า มีอานิสงส์มากกว่าสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญเสียอีก
อานิสงส์ถวายความหอม
“ของหอม” ตรงกันข้ามกับ “ของเหม็น” ของหอมเป็นสุคันธารมณ์ที่ชื่นชอบ พออกพอใจ ชุ่มชื่นใจแก่คนทั่วไป ความสุนทรีย์ในกลิ่นหอมช่วยทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย ร่างกายจะก่อเกิดสารแห่งความสุขไปพร้อมกับความหอมที่จรุงใจด้วยพืชพรรณธรรมชาติที่สกัดออกมาเป็นของหอมอันทรงคุณค่า
โสฬสญาณ
นรชนผู้มีปัญญา ตั้งมั่นแล้วในศีล อบรมจิตและปัญญา ให้เจริญอยู่ เป็นผู้มีความเพียร มีปัญญารักษาตนรอด ภิกษุนั้นพึงถางชัฏนี้
พระอรหันต์รู้ได้ยาก
พระอริยบุคคลเหล่าใดในศาสนาของพระโคดม เป็นผู้ประกอบดีแล้ว ด้วยกิริยาทางกายและวาจาอันบริสุทธิ์ มีใจมั่นคง เป็นผู้ไม่มีความห่วงใยในกายและชีวิต พระอริยบุคคลเหล่านั้น บรรลุอรหัตผลที่ควรบรรลุ หยั่งลงสู่อมตนิพพาน ดับกิเลสได้ เสวยผลแห่งความดับเย็นอยู่
ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในศีล สำรวมในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในโภชนะ หมั่นประกอบความเพียร ภิกษุผู้มีปกติพากเพียรอยู่อย่างนี้ ไม่เห็นแก่นอน ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน เจริญกุศลธรรมเพื่อบรรลุคุณอันเกษมจากโยคะ ผู้ยินดีในความไม่ประมาท มีปกติเห็นภัยในความประมาท เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความเสื่อม ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติใกล้พระนิพพานทีเดียว
พระอรหันต์มีจริง
พระอริยบุคคลเหล่าใด ในศาสนาของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว มีใจมั่นคง ไม่หวั่นไหว ปราศจากความอาลัยทั้งปวง พระอริยบุคคลเหล่านั้น บรรลุพระอรหันต์แล้ว เข้าถึงพระนิพพาน เสวยสุขอยู่ รัตนะนี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลาย
พระอริยเจ้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้หมู่สัตว์ถูกธรรมนั้นหุ้มห่อ แล้วท่องเที่ยวไปสิ้นกาลนาน เหมือนหมู่สัตว์ผู้ถูกโมหะหุ้มห่อแล้ว ไม่มีเลย ส่วนพระอริยสาวกเหล่าใด ละโมหะแล้ว ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว พระอริยสาวกเหล่านั้นย่อมไม่ท่องเที่ยวไปอีก เพราะอวิชชาอันเป็นต้นเหตุแห่งสงสาร ย่อมไม่มีแก่พระอริยสาวกเหล่านั้น