จดหมายของอาสาพันธุ์ตะวัน
ก่อนที่ผมจะก้าวมาเป็นอาสาพันธุ์ตะวัน รุ่นที่ 1 นั้น ผมยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยครับว่า จะเข้ามาสร้างบารมีในวัดได้ เพราะดูจากชีวิตในอดีตแล้วไม่น่าจะเดินทางเข้ามาเส้นทางนี้ได้ คงจะใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆไป ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีแก่นสารอะไร ก็เพราะในช่วงเรียนระดับ ปวส. ช่างไฟฟ้า ผมเป็นเด็กช่าง ชีวิตช่วงนั้นเป็นชีวิตที่ค่อนข้างที่จะมืดมนครับ เพราะสังคมสิ่งแวดล้อม อยู่ในวงเหล้า การพนัน อบายมุขทุกอย่าง เพราะระบบ รุ่นพี่นั้นแรงมาก ผมเพิ่งจะมาดื่มเหล้าเป็นก็ช่วงขึ้น ปวส.1 สังคมนำพาชีวิตผมไปในทางเสื่อม ช่วงที่เรียน คำว่าศีล ก็ไม่มีในใจของผมเลยแม้แต่ข้อเดียวครับ ถือคติว่า เที่ยวไหน เที่ยวกัน เมาไหน เมานั่น ชีวิตไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะคิดว่ามันเป็นปกติธรรมดาของลูกผู้ชายที่เขาทำ กันว่า อย่างนี้สิ เขาถึงจะเรียกว่า Man
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 72
ขณะนั้นเป็นเวลาบ่าย นางอมราผู้ซึ่งบัดนี้ได้รับพระราชทานตำแหน่งสะใภ้หลวง และให้เฉลิมนามว่า “อมราเทวี” นางประดับกายด้วยผ้าแพรพรรณอันประณีตและเครื่องประดับเลอค่าที่ได้รับพระ ราชทานจากเจ้าเหนือหัว นางค่อยๆก้าวขึ้นสู่วอทองที่ตบแต่งอย่างอลังการ ด้วยท่วงทีงามสง่าดุจนางพญาหงส์ทอง
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม - เวลาอันทรงคุณค่ายิ่ง
มีพระราชาพระองค์หนึ่งพระนามว่า “เอสุการี” พระองค์มีปุโรหิตเป็นสหายรักตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ ทั้งพระราชาและปุโรหิตต่างไม่มีพระโอรสที่จะสืบสกุล วันหนึ่ง พระราชาและปุโรหิตปรึกษาหารือกันว่า ถ้าหากบุตรของใครเกิดก่อน บุตรของคนนั้นจะได้ครอบครองราชสมบัติ
ก่อนจะสอบ World-PEC ในต่างแดน 3
ถึงแม้ว่าเวลานี้ ฤดูหนาวจะปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง บางแห่งอุณหภูมิติดลบ แต่พลังใจของทีมงานผู้จัดโครงการ World-PEC หาลดน้อยลงไปไม่ เพราะตระหนักดีว่า “ผู้ที่ยังไม่ผ่านรสขม จะไม่เจอรสหวาน ฝนตกโปรยปรายนาน แต่พายุผ่านแค่ครู่เดียว” ดังนั้นพวกเราจึงไม่เคยท้อแท้
มงคลที่ ๒ คบบัณฑิต - สัมมาทิฏฐิ ( ๓ )
"ระหว่างพระพุทธเจ้ากับท่านอุรุเวลกัสสปะ ใครหนอจะมีอานุภาพมากกว่ากัน" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงล่วงรู้ความคิดของชาวเมือง จึงตรัสถามท่านว่า "ดูก่อนกัสสปะ ท่านเคยเป็นอาจารย์สั่งสอน หมู่ชฎิลผู้ผ่ายผอมเพราะกำลังประพฤติพรต ท่านเห็นอะไรจึงได้ ละไฟที่เคยบูชาเสียเล่า ท่านเห็นประโยชน์อะไรจึงมาประพฤติพรหมจรรย์กับเรา"