เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๔ ( พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ )
ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อหม่อมฉันบริจาคทาน ทรัพย์สมบัติ พึงไม่หมดสิ้นไป บริจาคแล้วไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกำลังบริจาค พึงทำจิตให้ผ่องใส เมื่อหม่อมฉันพ้นจากอัตภาพนี้ พึงไปสู่สวรรค์ ถึงชั้นดุสิตอันวิเศษ จุติจากชั้นดุสิตมาเป็นมนุษย์ พึงเป็นผู้ไม่เกิดอีก
มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๒๐ ( อย่าบอกความลับแก่ใคร )
เรื่องมโหสถบัณฑิต ในตอนนี้เป็นเรื่องของความลับว่า ควรเปิดเผยแก่ใคร ไม่ควรเปิดเผยแก่ใครบ้าง เมื่อพูดถึงความลับ หมายถึง เป็นสิ่งที่ไม่ควรแพร่งพราย เพราะหากมีคนอื่นรู้ และแพร่ขยายออกไป อาจเป็นผลเสียย้อนกลับมา เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และอาจเป็นผลร้ายถึงชีวิต
สวรรค์ชั้นดุสิตหรือดุสิตบุรี ดีอย่างไร?
มหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาล
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม - สู่หนทางสวรรค์
ชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อนนั้นยาวนานมาก แม้กระนั้นผู้มีบุญก็ไม่ประมาทในชีวิต เพราะมองเห็นทุกข์ เห็นโทษของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ปัจจุบันอายุของมนุษย์โดยเฉลี่ยเพียง ๗๕ ปีเท่านั้น ชีวิตจึงเป็นของน้อย เราไม่ควรประมาท เพราะความตายอาจพรากชีวิตเราได้ทุกขณะ เพียงแค่หายใจเข้าไม่หายใจออก หรือหายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว
มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู - ผู้คู่ควรแก่ความกตัญญู
ภาพคนแก่ คนเจ็บ คนตายเหล่านี้ เป็นภาพที่มนุษย์ทั้งหลายเห็นกันอยู่เป็นปกติ เห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ เห็นแล้วไม่คิดต่อ แต่พระองค์คิดหาหนทางที่จะออกจากความทุกข์ อีกทั้งมีความเชื่อมั่นอยู่ในใจลึกๆ ว่า หนทางที่จะพ้นจากความทุกข์นั้นต้องมี ท่านคิดอย่างนั้นแล้วจึงแสวงหาหนทางแห่งความพ้นทุกข์เรื่อยมา
มงคลที่ ๒๔ มีความสันโดษ - สันโดษให้ถูกหลักวิชา
ในอดีตกาล นกแขกเต้าหลายพันตัว อยู่ในป่าไม้มะเดื่อแห่งหนึ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคาในป่าหิมพานต์ ในบรรดานกแขกเต้าเหล่านั้น มีพญานกแขกเต้าตัวหนึ่ง เมื่อผลมะเดื่อต้นที่ตนอาศัยอยู่หมดผลแล้ว ก็จิกกินหน่อใบหรือเปลือกซึ่งยังเหลืออยู่ เป็นผู้ที่มีความปรารถนาน้อยอย่างยิ่ง สันโดษในอาหาร ไม่บินไปแสวงหาต้นอื่น
มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง - บัณฑิตผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์
ในขณะนั้นเอง ดวงตาเห็นธรรมได้บังเกิดขึ้นกับท่านอชิตะ และท่านได้ทูลถามถึงข้อควรปฏิบัติ โดยกล่าวถามอย่างชาญฉลาดว่า "ชนผู้ได้เห็นธรรมแล้ว และชนผู้ยังต้องศึกษาอยู่ สองพวกนี้มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก พระองค์มีปัญญาแก่กล้า ขอทรงโปรดตรัสบอกวิธีการปฏิบัติแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"
คุณยายสยบพายุ
กลุ่มพายุดำทะมึนรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวกำลังร่นถอยออกไปอย่างลนลานและกลืนหายไปกับความมืด ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แปลกมาก..อยู่ ๆ พายุก็ม้วนตัวกลับอย่างกะทันหันเหมือนมีใครมาไล่”
เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(1)
พระเจ้าเนมิราช พระราชาของชนชาววิเทหรัฐ ผู้ทรงสงเคราะห์ชาวเมืองมิถิลา ครั้นตรัสพระคาถานี้ว่า ผมหงอกงอกขึ้นบนศีรษะของเราแล้ว ย่อมนำความหนุ่มไป เทวทูตปรากฏแล้ว สมัยนี้เป็นกาลสมควรที่เราจะบวช ดังนี้แล้ว ทรงบริจาคทานเป็นอันมาก ทรงเข้าถึงความเป็นผู้สำรวมในศีล