ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 22
จากนั้นก็ทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้เปิดท้องพระคลังทั้งหมด และให้จารึกแผ่นทองคำติดไว้ ณ เสาท้องพระโรงว่า “ผู้ใดต้องการทรัพย์สมบัติเงินทองของมีค่า ก็จงมาขนเอาไปจากท้องพระคลังหลวงนั้นเถิด”
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 13
ธรรมดาของหญิงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดา ย่อม มีจิตใจอ่อนไหวไปตามความเป็นไปของบุตร ถึงคราวบุตรอยู่ดีมีสุข มารดาก็พลอยแช่มชื่นเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสไปด้วย แต่ครั้นบุตรมาเจ็บไข้ได้ป่วย ใจของมารดาก็เป็นทุกข์ร้อน มีความไม่สบายกายไม่สบายใจไปด้วย
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 128
จากตอนที่แล้ว สนามธรรมยุทธ์ที่เป็นปริมณฑลกว้างขวาง บัดนี้กลับดูคับแคบลงถนัดใจ ทั้งพระราชาแคว้นต่างๆ หมู่อำมาตย์แม่ทัพนายกอง ตลอดจนไพร่พลฝ่ายปัญจาลนคร เบียดเสียดเนืองแน่นกันทั่วบริเวณ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองดูต้นทาง ใจจดจ่อรอคอยการมาของมโหสถบัณฑิตอยู่ไม่เว้นวาง ทุกคนต่างก็เพ่งมองไปทางทิศตะวันออก ซึ่งแสงแดดก็ยิ่งสาดส่องกล้าขึ้นตามลำดับ ต่างก็ปะทะแสงแดดเต็มหน้าด้วยกันทั้งสิ้น
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 142
ยามใด ที่พราหมณ์เกวัฏส่องดูใบหน้าของตนบนกระจก มองเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากทีไร ก็ให้เป็นเดือดเป็นแค้น จนไม่อาจที่จะสกัดกลั้นเพลิงโทสะที่เดือดพล่านอยู่ภายในใจได้ ถึงกับขบกรามแน่น แล้วเปล่งเสียงคำรามออกมาดังๆ ด้วยแรงแค้นแรงอาฆาตที่สุมแน่นอยู่เต็มหัวอก
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 172
คำกราบบังคมทูลที่สั้นๆ หนักแน่น และจริงจังของมโหสถบัณฑิต ทำให้พระเจ้าวิเทหราชนั้นทรงตกพระทัยกลัวจนแทบครองพระสติไม่อยู่ เกิดความเร่าร้อนในพระสรีระกาย จนปราณแทบจะดับลงในทันที จึงทรงครวญคร่ำรำพันไปต่างๆนานาว่า “มโหสถเอ๋ย ใจของเราเสียวสั่น สะท้านไหว เหมือนใบโพธิ์ที่ต้องลม บัดนี้ความเร่าร้อนได้เผาลนจิตใจของเราจวนเจียนจะละลาย เหมือนเบ้าหลอมทองที่ถูกสุมอยู่ในเตา"
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170
เมื่อทหารเหล่านั้น นำเสด็จกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์มาถึงเชิงบันได ก็ช่วยกันเปิดปากประตูอุโมงค์ แล้วทูลเชิญให้เสด็จพระดำเนินไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเสด็จเข้าไปสู่ภายในอุโมงค์แล้ว พระนางทอดพระเนตรเห็นทางลับนั้น ก็ทรงมีพระทัยพิศวงยิ่งนัก ถึงกับทรงปรารภขึ้นว่า “เอ...ชอบกลอยู่นะ เราอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ปูนนี้ ก็ยังไม่เคยลงมาตามทางนี้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 139
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าจุลนีถึงกับทรงตกตะลึง อึดอัดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระพักตร์เผือดลง พระเนตรฉายแววแห่งความสะดุ้งกลัว ท้าวเธอมิได้ตรัสสิ่งใด รีบเสด็จลุกจากพระแท่น แล้วเข้าสู่พระตำหนักรโหฐานทันที ฝ่ายพราหมณ์อนุเกวัฏก็ลุกตามเสด็จพระองค์ไปด้วย ฝ่ายพระราชาที่มาประชุมเหล่านั้นต่างก็แยกย้ายกลับไปโดยที่มิทราบต้นสายปลายเหตุ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 185
ส่วนว่ามโหสถจะลอบปลงพระชนม์พระเจ้าจุลนีหรือไม่ เพราะว่าเมื่อผู้นำทัพต้องมาจบชีวิตลงในสนามรบ ฝ่ายตรงข้ามย่อมได้รับชัยชนะทันที อีกทั้งเหล่าข้าราชบริพารของพระเจ้าจุลนี และพระราชาต่างแคว้นอีกร้อยเอ็ดพระองค์ก็ยังติดอยู่ในอุโมงค์ที่มืดสนิท แผนการของมโหสถในครั้งนี้สามารถปกครองชมพูทวีปได้ทันที แต่ว่ามโหสถบัณฑิตจะมีวิธีการอย่างไรที่ดีไปกว่าการเป็นใหญ่ด้วยการฆ่าฟันกัน โปรดติดตาม
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
พระราชบิดาของพระเจ้าจุลนีทรงพระนามว่า มหาจุลนี ท้าวเธอทรงอภิเษกพระนางสลากเทวีเป็นพระมเหสี ต่อมาพระนางสลากเทวีทรงลอบเป็นชู้กับฉัพภิพราหมณ์ จึงได้ปลงพระชนม์พระเจ้ามหาจุลนี แล้วยกราชสมบัติทั้งหมดให้ฉัพภิพราหมณ์ ตั้งแต่พระเจ้าจุลนียังทรงพระเยาว์
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 167
การก่อสร้างนครแห่งนี้ ได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๔เดือนเต็ม โดยมีปราการกำแพงล้อมรอบสูงถึง ๑๘ศอก โรงพักพลมีป้อมประตูเรียงรายเป็นระยะสลับด้วยซุ้มประตูเมืองที่มั่นคง ภายในกำแพงเมืองมีโรงช้างโรงม้าและราชพาหนะทั้งหลาย มีสระโบกขรณีโอบล้อมบริเวณพระราชนิเวศน์ มองไกลๆเหมือนที่ประทับนั้นลอยโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำ