การเดินทางที่แท้จริง เริ่มต้นแล้วที่ศูนย์กลางกาย
การนั่งสมาธิไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากทำอย่างถูกวิธีตามหลักวิชชา ด้วยการทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว
ไอ ไอ ไอ ไอเลิฟยู ศูนย์กลางกาย
แม้จะมาจากต่างที่ แม้จะต่างวัย แม้จะต่างความเชื่อ แต่ผลที่ได้รับจากการนั่งสมาธิล้วนเหมือนกัน นั่นคือ...ความสุขแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
ได้เวลาเปิดใจสู่ศูนย์กลางกาย
ดิฉันคิดว่าทุกคนสามารถฝึกได้ เรียนได้ และการเป็น MMC จะทำให้ดิฉันพัฒนาประสบการณ์ภายในไปได้อีกขั้น
ดวงอาทิตย์ที่ศูนย์กลางกาย
ดิฉันได้พบ Landmark ของใจในทรงกลมนั้น โดยการนึกดวงอาทิตย์ขึ้นมาวางไว้ที่นั่น ทันใดนั้น ดิฉันก็ไม่ใช่ทรงกลมอีกต่อไป แต่พบแสงสว่างมากมายเปล่งประกายเจิดจ้า เป็นความรู้สึกที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ระหว่างดิฉันและจักรวาล การที่สามารถเห็นดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และสามารถเห็นใจกลางความสว่างภายใน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้เลย มันเป็นเหมือนแสงสีขาวสว่างจ้าภายในดวงอาทิตย์
ศูนย์กลางกายสลายความแตกต่าง
ดิฉันคิดว่า สมาธิคือของสากล ไม่ใช่สำหรับศาสนาพุทธเท่านั้น แต่ทุกคนสามารถทำสมาธิได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงอายุ ศาสนา วัฒนธรรม และเชื้อชาติค่ะ เราทุกคนสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วยสมาธิ เราทุกคนรวมกันเป็นหนึ่ง และหนึ่งเดียวคือเราทุกคน
สุดยอดศิลปะ ณ ศูนย์กลางกาย
เนื่องจากลูกเป็นครูสอนวิชา ART ลูกจึงสอนแบบ ART ART คือ บอกลูกศิษย์ว่าวันนี้เราจะมาสร้างมโนภาพเป็นภาพศิลปะกันนะ ให้ทุกคนค่อย ๆหลับตา แล้วนึกถึง The moon หรือ The sun ให้เป็นภาพที่กลางท้อง เหนือสะดือ 2นิ้วมือ ซึ่งตรงนี้เป็น Center of body ทุกคนก็ทำตามกันอย่างสนุกสนาน เพราะไม่เคยเรียนศิลปะแบบนี้มาก่อน แล้วลูกก็ถามว่า “ใครเห็นอะไรกันบ้าง”
ศูนย์กลางกายสลายความแตกต่างระหว่าง 3 สีผิว
ผ่านไปไม่นานนัก ร่างกายก็เบาขึ้นมาเองโดยไม่ต้องทำอะไร จิตใจสงบนิ่ง “ลึก” มาก จนความสงบนี้แผ่ขยายไปทั่วตัว เหมือนตัวเรานั้น หลอมละลายเป็นความสงบเสียเอง จากนั้นความสงบก็ขยายไปเป็นวงกลมใหญ่จนสุดเส้นขอบฟ้า ในช่วงนั้น “เวลา” ได้หยุดสนิท ไม่มีความหมายใดๆอีกต่อไป ความสงบที่เกิดขึ้นมานั้น ได้ผลิต “ความสุขและความเบิกบาน” (Happiness and Joy) ชนิดที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต
เธอ...ค้นพบหลุมหลบภัย ที่ศูนย์กลางกาย
เหมือนลูกเดินท่องไปในกลางถนนขององค์พระแก้วใส ถนนแห่งความสุขภายใน เดินแล้วมีความสุขมากๆ เมื่อกลับมานั่งครั้งใด พอหลับตาปุ๊บ ก็มีความสุข เหมือนเป็นช่วงพักผ่อน ศูนย์กลางกายเป็นเหมือนหลุมหลบภัยของลูก เวลาทุกข์ นิดหนึ่ง ก็หยุดใจแป๊บหนึ่ง หยุดตรงนั้นเดี๋ยวนั้น ทำอย่างนี้แล้วก็มีความสุข
สกัดความโกรธได้ด้วยศูนย์กลางกาย
ปัจจุบันใจของลูกเย็นค่ะ ไม่โมโหใคร แต่ก่อนใครพูดอะไรที่ไม่สบอารมณ์ ก็ศอกกลับทันที ถ้าซ้ายมาก็ขวาไป แต่เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ยิ้มกลับ รู้จักให้อภัย ถ้ามีอะไรที่พูดแรงไป ก็ยอมขอโทษ หรือบางครั้ง เจอหัวหน้าบ่นมากๆ ลูกก็จะภาวนา “สัมมา อะระหัง” ถ้าชักจะเกิดความโกรธก็มีจุดสกัด โดยนึกถึงมหาปูชนียาจารย์และเอาใจเข้ากลาง อารมณ์โกรธก็หายในทันที ความจำในวัยนี้ก็ยังเยี่ยม ใครๆก็รุมรัก แถมงานก็เปี่ยมประสิทธิภาพ
มองโลกทำไมให้ร้าย มองศูนย์กลางกายดีกว่า
เมื่อลูกได้นั่งสมาธิในครั้งแรกๆ ลูกทำใจหยุดนิ่งไม่ได้เลย คิดเยอะ คิดไปไหนต่อไหน พยายามควานหาศูนย์กลางกายว่า อยู่ตรงไหน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เพ่งก็แล้ว จ้องก็แล้ว ยังได้ซดน้ำแห้วอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเพ่ง ยิ่งจ้อง ก็ยิ่งจ๋อง ยิ่งเครียด