ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 56
การยอมตนเข้าไปขอความช่วยเหลือ จากมโหสถบัณฑิตในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า อาจารย์ทั้ง ๔ นั้น ตามที่จริงแล้ว พวกเขายอมรับในปรีชาญาณ และความสามารถของมโหสถว่าเหนือกว่าพวกตนมานานแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่มีความริษยา ไม่อยากตกอันดับเป็นสองรองจากมโหสถเท่านั้น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 55
เรื่องราวมีอยู่ว่า แพะนั้นเข้าไปในโรงช้าง เห็นหญ้าที่คนเลี้ยงช้างวางไว้สำหรับช้าง ก็ยากที่จะอดใจได้ เพราะหญ้าเป็นอาหารโปรดของแพะ มันจึงแอบกินหญ้านั้นเรื่อยมา แต่ต่อมาพวกคนเลี้ยงช้างเห็นเข้า จึงคว้าไม้ไล่ตะเพิดแพะ คนเลี้ยงช้างอีกคนหนึ่งคว้าไม้พลองได้ ก็หวดไม้ลงไปกลางหลังอย่างเต็มเหนี่ยว จนแพะหลังแอ่น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 54
ในที่สุดท่านเสนกะจึงตัดสินใจกราบทูลว่า “ขอ เดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ พวกข้าพระพุทธเจ้าตระหนักดีว่า ปัญหานี้มิใช่ปัญหาธรรมดา จักต้องมีเงื่อนงำที่ลึกล้ำอยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้ การที่ฝ่าพระบาททรงมีพระราชประสงค์จะทราบคำตอบในทันที จึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งพระพุทธเจ้าข้า”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 53
ท้าวเธอทรงสังเกตอากัปกิริยาของสัตว์ทั้งสองแล้ว ก็ทรงแปลกพระทัยยิ่งนัก เพราะธรรมดาแพะกับสุนัขย่อมเป็นอริกัน ไม่มีทางที่จะเป็นมิตรกันได้เลย แต่แพะกับสุนัขคู่นี้ กลับมาเป็นมิตรชิดชอบกันได้ แต่จะเป็นด้วยสาเหตุอันใดนั้น ท้าวเธอก็ยังไม่ทรงทราบแน่ชัด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 52
แม้พระนางจะตรัสยืนยันเช่นนั้น ท้าวเธอก็ยังไม่ทรงเชื่อ กลับทรงกริ้วหนักยิ่งขึ้น ถึงกับตรัสด้วยพระสุรเสียงน่าเกรงขามว่า “เธออย่ามาปิดบังเราเลย เป็นไปไม่ได้ที่ชายผู้นี้จะทอดทิ้งเธอไป เธอต้องเห็นอะไรอย่างอื่นเป็นแน่ แต่ไม่ยอมบอกเรา กลับกล่าวเท็จเพื่อกลบเกลื่อน จงรีบบอกเรามาตรงๆ มิเช่นนั้น เราจะฟันเธอให้ขาดเป็นสองท่อนเสียเดี๋ยวนี้แหละ”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 47
ท้าวเธอทรงผินพระพักตร์ไปทางเหล่าราชบุรุษ ตรัสพลางแย้มพระสรวลว่า “เออ....พวกเจ้าจงดูนี่สิ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ยังรู้จักทำความเคารพ ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง แล้วพวกเจ้าล่ะ จะสู้มันได้รึ” พวกราชบุรุษได้ฟังเช่นนั้น ก็หันมามองหน้ากันเลิกลั่ก
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 46
แม้ว่าท้าวเธอจะทรงฉงนพระทัยสักเพียงใด แต่ครั้นได้ทรงนึกถึงข้อพิสูจน์ที่มโหสถบัณฑิตค่อยๆเปิดเผยให้ปรากฏเป็นที่ ประจักษ์ก่อนหน้านี้ จึงไม่ทรงคัดค้านสิ่งใดอีก ในที่สุด จึงได้มีรับสั่งกับราชบุรุษผู้หนึ่งว่า “เจ้าจงขึ้นไปดูให้รู้แน่ ว่าบนต้นตาลนั้นมีแก้วมณีอยู่จริงหรือไม่ หากว่าพบแก้วมณีแล้ว ก็จงนำมาให้เราเถิด”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 45
ทันทีที่มโหสถมาถึง ก็รีบมุ่งตรงไปที่ริมขอบสระ ยืนจ้องมองดูแสงแก้วมณีนั้นอย่างพินิจพิจารณา แม้นสระโบกขรณีนั้นจะกว้างใหญ่สักเพียงใดก็ตาม แต่พอมโหสถสังเกตดูเพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่า แสงที่เห็นนั้นมิใช่แสงที่พวยพุ่งขึ้นมาจากสระอย่างแน่นอนแท้ที่จริงคงเป็นเพียงเงาสะท้อนของดวงแก้วมณีเท่านั้น แต่ปัญหาที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ “แล้วแก้วมณีนั้นเล่า ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 41
มาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจนึกแคลงใจว่า ธรรมดาพระโพธิสัตว์ย่อมจะรู้อุปการะคุณของบิดามารดา มีความเคารพในบิดามารดาอย่างยิ่งมิใช่หรือ เมื่อเป็นดังนี้ การที่มโหสถบัณฑิตนั่งในที่สูงกว่าบิดา และกราบทูลพระราชาเช่นนั้น จะถือว่าเป็นดูหมิ่นบิดาของตนหรือไม่
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 40
ครั้นทรงสดับว่าลามหัศจรรย์ ท้าวเธอก็ยิ่งทรงฉงนพระทัย จึงตรัสถามว่า “เหตุใด เธอถึงเรียกว่าลามหัศจรรย์เล่า” มโหสถจึงรีบกราบทูลว่า “ลาตัวนี้แหละ จักทำความสงสัยของพระองค์ ให้ถึงที่สุดอย่างไรเล่า พระพุทธเจ้าข้า”