พุทธบุตรต้องสวมหัวใจความเป็นพระแท้ด้วย “สัมมาอะระหัง”
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลแห่งการเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการฝึกฝนอบรมตนเองของพระภิกษุให้เป็นพระแท้ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งกิจวัตรกิจกรรม เพื่อนำพาไปสู่การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน โดยเฉพาะการฝึกฝนอบรมจิตถือเป็นการฝึกที่สำคัญที่สุดของพระ เพราะจิตที่สะอาดผ่องใสย่อมส่งผลให้ศีล สมาธิ ปัญญา และสมณสัญญาเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้การฝึกจิตเป็นไปอย่างก้าวหน้า รวดเร็ว ต้องอาศัยการภาวนา “สัมมาอะระหัง” กำกับตลอดเวลา
สัมมา อะระหัง" คือ เนื้อมนต์วิเศษโดยแท้
บางคนจากที่เคยพบอุปสรรคทำอะไรติด ๆ ขัด ๆก็ราบรื่นขึ้น จะทำมาค้าขายก็ร่ำรวยขึ้นซึ่งเกิดจากอานุภาพบารมีธรรมที่หลวงปู่ท่านปกป้องคุ้มครองและกลั่นแก้ให้ประกอบกับอานุภาพของเนื้อมนต์ คือ การภาวนา ‘สัมมา อะระหัง’ ควบคู่กันไปด้วยนั่นเอง
สัมมา อะระหัง ตอน รวยไม่ต้องลุ้น
ดิฉันเป็นแม่ค้าทำขนมขาย เข้าวัดมานาน แต่ไม่เคยมีประสบการณ์จากการ “สัมมา อะระหัง” พอดีหลวงพี่ปรเมษฐ์ (พระอาจารย์ปรเมษฐ์ ปรมสจฺโจ) มาแนะนำเรื่องการภาวนา “สัมมา อะระหัง” ทำแล้วการค้าขายดีขึ้น หรือเวลาเจอเหตุการณ์อะไรที่อาจจะทำให้ใจตก ดิฉันก็จะภาวนา “สัมมา อะระหัง ๆ” ตลอด
พลิกชีวิตเพราะคำว่า “สัมมา อะระหัง”
เชื่อไหมคะ ตอนที่ยังไม่ “สัมมา อะระหัง” ดิฉันต้องดื่มน้ำสมุนไพรทุกวัน ร่างกายถึงจะอยู่ได้ แต่พอพระอาจารย์บอกให้ “สัมมา อะระหัง” วันแรก พอความดันขึ้นดิฉันก็ “สัมมาอะระหัง ๆ ๆ อย่าขึ้น” “สัมมา อะระหัง ลงไป ๆ” จนกระทั่งจากที่รู้สึกเหนื่อยมากวันละหลายรอบ พอ “สัมมา อะระหัง”ผ่านไปหนึ่งเดือน อาการที่เป็นทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบไม่เป็นอีกเลย
ชีวิตนี้ดีแน่ แค่ “สัมมา อะระหัง”
ซึ่งบัดนี้ อำนาจพิเศษแห่งการกำหนดชะตากรรมของชีวิตให้ดำเนินไปสู่ความเจริญ ทั้ง ทางโลกหรือทางธรรม ทั้งด้านโลกิยะหรือโลกุตระ ไม่ใช่สิ่งที่กระทำได้โดยยาก เราสามารถกระทำได้ง่าย ๆ พร้อม ๆ กับการหายใจเข้าออก นั่นคือ การบริกรรมภาวนา “สัมมา อะระหัง” ควบคู่ไป กับการใช้ชีวิตประจำวัน
“สัมมา อะระหัง” ที่สุดแห่งถ้อยคำ
“ถ้าใจใส ใจสบาย ทำ อะไรก็สำ เร็จ ถ้าใจอยู่ฐานที่ 7 ทำ อะไรก็สำ เร็จอย่างสบาย ๆ”
“สัมมา อะระหัง” คือ ยาวิเศษของชีวิต
คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่า “สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน” ซึ่งเป็นคำที่ถ่ายทอดมา จากประสบการณ์จริงในการประพฤติปฏิบัติของผู้คนในอดีต ซึ่งก็เป็นผลเช่นนั้นจริง ๆ แม้แต่ ในปัจจุบัน การภาวนาก็ยังมีผลอันมหัศจรรย์แก่ชีวิตมนุษย์ราวกับได้กินยาแสนวิเศษกันเลยทีเดียว ดังเรื่องราวตัวอย่างของนักภาวนาเหล่านี้...
จดหมายจากกองพันเนื้อนาบุญ ตอน 27 วันแห่งบุญที่รอคอย
หลวงพ่อครับ ที่จริงผมยังไม่ได้คิดจะบวชนะครับ แต่วันนั้นบังเอิญผมกับน้องชายฝาแฝดเอาของไปส่งให้ลูกค้า ก็ไปเจอทีมชวนบวช พอเขาเห็นพวกผมก็มุ่งเข้ามาเลย ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยลงชื่อน้องชายและให้เบอร์โทรศัพท์ไปครับ พอใกล้จะถึงวัน..เขาก็โทรมาถาม..แต่ผมยังไม่ตกลง แล้วพอถึงวันจริงๆ..เขาเอารถมารับถึงที่บ้านเลย ผมคิดว่า เอาก็เอา บวชแค่ 3 เดือนเอง แถมฟรีด้วย เลยตกลงมาบวชกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยครับ
จดหมายจากกองพันเนื้อนาบุญ ตอน จะย่ำทุกก้าวให้เห็นดวงสว่างภายใน
หลวงพ่อครับ ที่ผมมาบวชไม่ใช่ว่าเบื่อทางโลกนะครับ แต่พอบวกลบคูณหารชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็รู้ว่าเราสุขเท่าไหร่-ทุกข์เท่าไหร่ ชีวิตมันไม่มีแก่นสาร ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ผมอยากหาแก่นสารในชีวิตเลยอยากบวชครับ
จดหมายจากกองพันเนื้อนาบุญ ตอน จะทำทุกก้าวให้เป็นองค์พระใสสว่าง
พระธรรมทายาทสิงห์ เตชาธิโก อายุ 48 ปี บวชในโครงการ 1 แสนรูป รุ่นเข้าพรรษา ของศูนย์อบรมในจังหวัดสุโขทัยครับ ผมทำบุญกับวัดพระธรรมกายมาหลายปีแล้ว โดยค่อยๆศึกษาเรื่องการสร้างบารมีมาเรื่อยๆ พอเข้าใจแล้วผมก็ลุยทุกโครงการ ทั้งทำด้วยตัวเองและชวนคนอื่นทำครับ(ภาพที่ 1) การได้มาบวชในโครงการของหลวงพ่อ ทำให้ผมได้ความรู้หลายอย่าง ได้เรียนรู้ว่าการจะเป็นพระแท้นั้นต้องทำอย่างไรถึงจะไม่ติดหนี้ญาติโยม ซึ่งผมก็พยายามฝึกทั้งเรื่องการวางตัวและการวางใจครับ